บัตรที่เรามักจะใช้กันในการทำธุรกรรมทางการเงินต่าง ๆ นั้นล้วนเป็นบัตรที่ต่างชนิดกัน หลาย ๆ คนนั้นมักจะคุ้นเคยกับชื่อของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต แต่อาจจะยังไม่รู้ว่าจริง ๆ แล้วนั้นบัตรทั้ง 3 ชนิดนี้มีหน้าที่อะไร มีความเหมือน หรือความแตกต่างกันอย่างไร และบัตรแต่ละชนิดนั้นเหมาะกับใคร รู้จักความแตกต่างของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต สามารถช่วยให้เราตัดสินใจเลือกบัตรที่ใช่สำหรับตัวเองในการใช้งานได้ ซึ่งแต่ละบัตรนั้นจะมีข้อดี และการใช้งานที่แตกต่างกันอย่างไรทางเราก็ได้นำมาแนะนำทุก ๆ คนในวันนี้

รู้จักความแตกต่างของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต

บัตรเอทีเอ็ม

สำหรับบัตรแรก ที่หลายคนมีข้อสงสัยว่ามันมีความแตกต่างกันอย่างไรกับบัตรอื่น ๆ อย่าง บัตรเอทีเอ็ม ที่เรามักจะพกติดกระเป๋ากันเสมอ หลาย ๆ คนเมื่อไปเปิดบัญชีที่ธนาคารก็มักจะเลือกบัตรเอทีเอ็มออกมาด้วย ซึ่ง บัตรเอทีเอ็ม คือ บัตรที่ธนาคารออกให้กับผู้เปิดบัญชีเงินฝาก เพื่อใช้สำหรับบริการในเรื่องการถอน ฝาก โอนเงินระหว่างบัญชี ผ่านตู้บริการอัตโนมัติ หรือที่เรียกว่า ตู้เอทีเอ็มนั้นเอง ทั้งนี้ บัตรเอทีเอ็ม จะผูกพันกับเงินในบัญชีโดยตรง ผู้ถือบัตรจะถอน หรือโอนเงินได้เท่ากับจำนวนเงินที่มีในบัญชีเท่านั้น บัตรเอทีเอ็มไม่สามารถนำมาจ่ายค่าสินค้าตามสถานที่ต่าง ๆ รวมไปถึงการซื้อของออนไลน์ก็เช่นกัน

เนื่องจากบัตรเอทีเอ็มไม่มีแถบรหัส ที่สามารถใช้รูดเพื่อตัดกับเงินในบัญชีได้ หรือ ข้อมูลที่ใช้ยืนยันการใช้จ่ายผ่านระบบออนไลน์ได้ ฉะนั้นเมื่อเราเริ่มเปิดบัญชีและสมัครบัตร ATM เราสามารถเลือกเป็นบัตร ATM ธรรมดา หรือ ATM Debit ได้ ซึ่งก็จะมีค่าสมัครบัตรที่ต่างกัน ถ้าเป็นบัตร ATM ค่าสมัครจะถูกกว่าบัตรเดบิต บัตรเอทีเอ็มจึงเรียกง่าย ๆ ว่าบัตรกดเงินสด ที่ไม่สามารถทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ สำหรับใครที่ต้องทำธุรกรรมหลาย ๆ อย่างบัตรประเภทนี้ก็ไม่เหมาะที่จะใช้งาน

รู้จักความแตกต่างของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต - บัตรเอทีเอ็ม

บัตรเดบิต

อีกหนึ่งรูปแบบบัตรที่มีผู้ใช้งานเป็นอย่างมาก เป็นบัตรเอทีเอ็มที่มีความสามารถขึ้นมากว่าปกติ นั่นก็คือ บัตรเดบิต (Debit Card) หลาย ๆ คนที่เปิดบัญชีมักเลือกใช้บัตรเอทีเอ็มที่เป็นเดบิต เพราะมีความสะดวกสบายในการใช้งานมากกว่า บัตรเดบิต คือ บัตรที่ธนาคารออกให้โดยผูกบัตรไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ถือบัตร ซึ่งสามารถใช้ในการทำธุรกรรมการเงินต่าง ๆ ผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ หรือเครื่อง ATM ไม่ว่าจะเป็นการถอนเงิน โอนเงิน สอบถามยอด และจ่ายค่าสินค้าและบริการต่าง ๆ ผ่านบัตรได้โดยไม่ต้องใช้เงินสด

อีกทั้งยังสามารถใช้จ่ายสินค้าตามห้างร้านต่าง ๆ หรือสั่งสินค้าออนไลน์ผ่านบัตรได้ โดยเป็นการจ่ายชำระผ่านบัตร ยอดการใช้จ่ายจะถูกหักจากเงินในบัญชีของเราที่มีอยู่ เท่ากับว่าเราจะใช้จ่ายได้ตามวงเงินในบัญชีของเราเท่านั้น

โดยในกรณีของการสั่งซื้อสินค้าออนไลน์ เราจะใช้หมายเลขบัตร วันที่หมดอายุบัตรและเลข CCV ด้านหลังบัตรเป็นตัวยืนยันการใช้จ่ายของเรา ซึ่งเป็นข้อมูลส่วนตัวห้ามเผยแพร่หรือบอกคนอื่น เพราะหากมีผู้รู้ข้อมูลเหล่านี้ก็สามารถใช้สั่งสินค้าหรือบริการต่าง ๆ ออนไลน์ได้โดยเป็นเงินจากบัญชีของเรา ดังนั้น ควรเก็บรักษาเป็นอย่างดี บัตรเดบิตเป็นบัตรที่คนนิยมใช้กันจำนวนมาก เพราะนอกจากจะใช้ทำธุรกรรมการเงินได้ครบครันแล้วนั้น ยังสามารถใช้ซื้อของภายในวงเงินของเราอีกด้วย เหมาะกับสังคมไร้เงินสดเป็นอย่างมาก

รู้จักความแตกต่างของบัตร - บัตรเดบิต

ข้อดีของบัตรเดบิต

สำหรับใครที่อาจจะยังลังเลว่า จะเปิดบัญชีพร้อมบัตรเอทีเอ็มแบบเดบิตดีหรือไม่ บัตรเดบิตนั้นก็มีข้อดีในการใช้งานมากมาย ทั้งใช้งานสะดวก สามารถทำธุรกรรมได้อย่างหลากหลาย อีกทั้งยังเหมาะกับสายช้อปปิ้งที่ไม่อยากเป็นหนี้สุด ๆ เพราะบัตรเดบิต เป็นบัตรเงินสดที่ผูกไว้กับบัญชีเงินฝากของผู้ใช้ ดังนั้น การใช้จ่ายจึงไม่ใช่สินเชื่อ ไม่ได้กู้เงินธนาคารมาใช้ แต่เป็นการใช้เงินของเราผ่านบัตรเท่านั้น เมื่อมีการใช้จ่ายผ่านบัตร บัตรเดบิตจะทำการตัดเงินเราจากบัญชีธนาคารทันที

ด้วยการที่ตัดเงินเท่าที่มีในบัญชี ซึ่งถือว่าเป็นการใช้จ่ายด้วยเงินของเจ้าของบัญชีโดยตรง จึงทำให้ไม่มีการคิดดอกเบี้ย เป็นบัตรที่ใช้งานได้สะดวกสบาย สามารถใช้จ่ายได้ทุกที่ หรือจะใช้ซื้อของออนไลน์ก็ไม่มีปัญหา สำหรับใครที่อยากจะใช้จ่ายผ่านบัตร แต่ไม่อยากจะเพิ่มหนี้ให้ตัวเองบัตรเดบิตก็เป็นทางเลือกที่ดีทางเลือกหนึ่ง

บัตรเครดิต

มาถึงบัตรประเภทสุดท้าย ที่หลาย ๆ คนต่างสงสัยว่ามีความแตกต่างกันอย่างไร บัตรเครดิต เป็นบัตรที่ได้รับความนิยมมากเช่นเดียวกัน โดยเฉพาะกับเหล่ามนุษย์เงินเดือนที่มักจะเลือกใช้บริการบัตรเครดิต เพื่อความสะดวกสบายในการใช้จ่าย บัตรเครดิต คือ สินเชื่อบุคคลประเภทหนึ่ง เป็นสินเชื่อบุคคลระยะสั้น โดยธนาคารจะให้เงินจำนวนหนึ่งตามที่ธนาคารกำหนด และสามารถใช้สินเชื่อนั้นได้ทุก ๆ เดือน ภายในวงเงินดังกล่าวเพื่อ ซื้อสินค้า บริการต่าง ๆ แต่มีเงื่อนไขว่า จะต้องทำการจ่ายเงินที่นำไปจับจ่ายซื้อของเหล่านั้นภายในระยะเวลาที่กำหนด พร้อมกับต้องเสียดอกเบี้ยตามอัตราที่ธนาคารกำหนด

เป็นบัตรที่ได้รับความนิยมอย่างมากในหมู่วัยทำงาน เพราะความสะดวกสบายที่เราสามารถใช้บัตรเครดิตใช้จ่าย ตามห้างร้าน ตามเคาน์เตอร์ต่าง ๆ หรือสั่งสินค้าออนไลน์ได้เช่นกัน แต่ต่างกับบัตรเดบิตตรงที่บัตรเครดิตเป็นการใช้จ่ายจากเงินในอนาคต แล้วเมื่อครบกำหนดวันเวลาก็ต้องชำระคืนให้กับทางธนาคารนั้น ๆ อาจมีดอกเบี้ยหรือไม่มีก็ได้ ขึ้นอยู่กับการจ่ายชำระที่ตรงตามเวลาหรือไม่ วงเงินที่สามารถใช้จ่ายได้จะขึ้นอยู่กับจำนวนที่ทางธนาคารอนุมัติให้เท่านั้น สำหรับใครที่เป็นสายช้อปปิ้ง ชื่นชอบการซื้อของนั้น บัตรเครดิตก็ตอบโจทย์การใช้งานมาก ๆ เพราะนอกจากวงเงินที่เราสามารถใช้ได้นั้น ก็ยังมีสิทธิประโยชน์มากมายสำหรับคนใช้บัตรเครดิต

รู้จักความแตกต่างของบัตร - บัตรเครดิต

เปรียบเทียบบัตรเดบิตกับบัตรเครดิต

หลาย ๆ คนที่มีความสงสัยว่า บัตรเดบิต กับบัตรเครดิตนั้นต่างกันอย่างไร ซึ่งการใช้งานของบัตรทั้ง 2 ชนิดนั้นเป็นบัตรคนละประเภท เพราะบัตรเครดิตนั้นเป็นบัตรสินเชื่อส่วนบุคคล ส่วนบัตรเดบิตเป็นบัตรที่ใช้ทำธุรกรรมทางธนาคาร ทำให้การใช้จ่ายของทั้ง 2 บัตรนั้นแตกต่างกัน โดยเวลาที่ชำระค่าสินค้าและบริการนั้นบัตรเดบิตจะจ่ายเงินสดทันที

ด้วยการหักเงินจากบัญชีโดยอัตโนมัติ หรือเรียกได้ว่า “ซื้อแล้วจ่ายเลย” ซึ่งผู้ถือบัตรไม่ต้องจ่ายดอกเบี้ย ในขณะที่บัตรเครดิตนั้นเป็นการ “ซื้อแล้วจ่ายทีหลัง”  หรือเป็นการกู้สินเชื่อนั่นเอง ซึ่งจะมีภาระดอกเบี้ยในการใช้จ่ายตามเงื่อนไขของแต่ละธนาคาร ซึ่งเราสามารถเลือกบัตรที่เข้ากันกับไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตของเรา เพื่อที่เราจะได้ใช้งานบัตรให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด

รู้จักความแตกต่างของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต - เปรียบเทียบบัตรเดบิตกับบัตรเครดิต

ในปัจจุบันมีการใช้บัตรต่างๆ เพื่อความสะดวกในการทำธุรกรรมทางการเงินมากมายทั้งกดเงิน โอน เงิน ใช่จ่าย ซื้อของต่าง ๆ ซึ่งบัตรแต่ละประเภทนั้นก็มีวิธีใช้งานที่แตกต่างกัน สำหรับใครที่สงสัยว่าบัตรแต่ละบัตรแตกต่างกันอย่างไร รู้จักความแตกต่างของบัตรเอทีเอ็ม บัตรเดบิต และบัตรเครดิต สามารถเป็นตัวช่วยในการเลือกบัตรเพื่อนำไปใช้ในการทำธุรกรรมต่าง ๆ ได้ และควรเลือกบัตรที่เหมาะสมกับกับตัวเอง ไม่ทำให้ตัวเองเดือนร้อนด้วย

หลาย ๆ คนที่กำลังถือบัตรเครดิตอยู่นั้น การใช้บัตรเครดิตนอกจากจะช่วยสร้างความสะดวกสบายแล้ว แต่หากใช้ผิดวิธีอาจจะทำให้เกิดหนี้ก้อนโตได้เลย ซึ่ง 6 เทคนิควางแผนทางการเงินฉบับมือใหม่ เก็บเงินได้ตามเป้า เป็นวิธีวางแผนการใช้เงินสำหรับคนที่ต้องการจะมีเงินออม อีกทั้งยังมีวิธีช่วยใช้บัตรเครดิตแบบถูกวิธี

การลงทุนก็เป็นทางออก อีกทางที่จะสามารถช่วยออมเงินให้เราได้เช่นเดียวกัน เราสามารถเพิ่มเงินออมของเราให้งอกเงยได้จาก การลงทุนที่ถูกวิธี กองทุนรวม คืออะไร บอกข้อดีสำหรับมือใหม่ที่อยากลงทุน เป็นวิธีลงทุนกองทุนรวมสำหรับมือใหม่ที่สนใจจะเพิ่มเงินออมในบัญชี